ร้อยไหม ยกกระชับใบหน้า แก้มหย่อนคล้อย
by Admin | MAY 28, 2019 | Thread Lift | VIEW
ปัจจุบันการร้อยไหมมีหลายแบบและมีไหมมากมายหลายชนิด การเตรียมตัวก่อนการร้อยไหม ต้องมีการพิจารณาจากการศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนเพื่อจะได้ตัดสินใจและเลือกได้อย่างถูกต้อง ร้อยไหมที่ไหนดี ร้อยไหมคลินิกไหน ร้อยไหมควรจะเลือกไหมแบบไหนดี การเลือกหมอและเทคนิคที่ทำ รีวิวร้อยไหมจากคนไข้ที่ทำจริง แต่ละคลินิกก็มีให้เลือกเยอะ รวมถึงหาดูวิดีโอเคสรีวิวที่คุณหมอหลายๆที่ได้ทำไว้เห็นผลแบบชัดเจนรีวิวการร้อยไหมจริง แต่เราจะเลือกไหมแบบไหนดีล่ะการร้อยไหมมีมากมายหลายชนิดมีการตั้งชื่อไหมแปลกๆขึ้นมามากมายทำให้เกิดความสับสน และแยกไม่ออกว่า ร้อยไหมแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร? ร้อยไหมมีกี่แบบ ร้อยไหมอะไรดีที่สุด เพื่อให้เข้าใจง่ายจึงขอสรุป เรื่องการร้อยไหมแยกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ คือ ไหมชนิดที่ดึงยกได้ และไหมชนิดที่ดึงยกไม่ได้
1.การร้อยไหมชนิดที่ดึงยกได้ (Suspension tension technic)
ร้อยไหม คือการดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดเป็นทางเลือกใหม่ ในการแก้ปัญหาความหย่อยคล้อนของใบหน้า การร้อยไหมจะไปช่วยกระตุ้นในการสร้างคอลลาเจนซึ่งปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมกัน และมีเทคนิคใหม่ๆ เกิดขึ้นมามากมาย ซึ่งไหมในกลุ่มนี้ได้แก่

1. ไหมก้างปลา,ไหมเงี่ยง (Barb PDO) เป็นไหมที่นิยมกันมากที่สุดในปัจจุบัน จะใช้ดึงยกแก้มส่วนล่างที่หย่อนคล้อยขึ้นไปยึดติดกับด้านข้างของโหนกแก้ม ด้วยเหตุผลทางการตลาด จึงมีการตั้งชื่อต่างๆ มากมาย และราคาไม่แพงจึงเป็นที่นิยมกันมาก
ตัวอย่างลักษณะของไหมก้างปลา

ตัวอย่างลักษณะของไหมกรวย
2. ไหมกรวย (Silhouette) ไหมชนิดนี้จะแยกย่อยเป็นอีก 2 ชนิดได้แก่
-
ไหมกรวยชนิดที่ละลายได้หมดส่วนใหญ่จะใช้ยกแก้ม ส่วนล่างขึ้นไปยึดติดกับด้านข้างนอกแก้มปัจจุบันไม่ค่อยนิยมกัน เพราะวัสดุที่ใช้ค่อยข้างเปราะ และง่ายเวลาดึงยก
-
ไหมกรวยชนิดที่ละลายได้ไม่หมด ไหมกลุ่มนี้จะใช้ดึงยก แก้มส่วนกลางขึ้นไปติดด้านหลังของศีรษะ ในขั้นตอนการทำจะมีรอยผ่าตัด 2-3 เซนติเมตร ในหนังศีรษะ ด้วยค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร

ตัวอย่างลักษณะของไหมสปริง
3. ไหมสปริง (Spring thread) เป็นไหมชนิดที่ไม่ละลาย ใช้ดึงยกแก้มส่วนล่าง และส่วนกลางขึ้นไปยึดเกาะกับด้านหลังของศีรษะแต่ละข้าง ด้วยแรงดึงยกหลังทำอยู่ได้ไม่นาน เหมือนที่คาดหวัง และวัสดุที่ใช้ไม่ละลาย ทำให้ไม่ได้รับความนิยม ในปัจจุบันแล้ว

ตัวอย่างลักษณะของไหมแอปทอส
4. ไหมแอปทอส (Aptop) สมัยก่อนเราไหมชนิดนี้ว่าไหมก้างปลา เพราะมีลักษณะคล้ายฟันปลา ไหมแอปทอส เป็นไหมที่ไม่ละลาย สามารถใช้ดึงยกใบหน้าได้ทั้งส่วนล่างและส่วนกลาง แต่ด้วยเทคนิคการทำที่ค่อนข้างยากและตัววัสดุที่ใช้ไม่ละลายทำให้ไม่ได้รับความนิยม แต่ในอนาคตไหมตัวนี้กำลังปรับปรุงทั้งวัสดุและวิธีการทำ ซึงอาจจะเป็นทางเลือกใหม่ในการดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด

ตัวอย่างลักษณะของไหมก้างปลา และ
ไหมก้างปลาชนิดหล่อมาทั้งเส้น
5. ไหมก้างปลาชนิดที่หล่อขึ้นมาทั้งเส้น (Molding PDO thread) บางครั้งไหมชนิดนี้ก็จะถูกกว่าไหมกุหลาบ ด้วยลักษณะของเส้นไหมถูกหล่อขึ้นมาเป็นเส้นมีหนามด้านข้างคล้ายๆ หนามกุหลาบ ไหมชนิดนี้จะมีเส้นใหญ่กว่าไหมก้างปลาธรรมดา (Barb PDO) จึงสามารถดึงยกแก้มได้มากกว่าไหมก้างปลา(barb PDO) ซึ่งสามารถใช้ดึงยกได้ทั้งแก้มส่วนล่างและส่วนกลางขึ้นไปติดกับด้านข้างของหนังศีรษะ ไหมชนิดนี้สามารถละลายได้ เทคนิคการทำจะต้องอาศัยประสบการณ์และเทคนิคการทำจะต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์เป็นหลัก
2. การร้อยไหมชนิดที่ยกไม่ได้ (floating technique)
ไหมชนิดนี้จะเรียกว่าไหม PDO ใช้ร้อยเข้าไปในชั้นผิวหนังชั้นตื้นๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผิวขึ้นมาใหม่ ไหมชนิดนี้จะอยู่ในผิวหนังได้ 6-8 เดือน นิยมนำมาใช้ร้อยกรอบหน้า ร้อยยกกระชับผิวหนังใต้เหนียง ร้อยร่องแก้ม
ร้อยใต้ตา ปัจจุบันค่าใช่จ่ายถูกลงมาก สามารถทำได้บ่อยๆ
ร้อยไหม ควรเลือกไหมแบบไหนดี
1.ในกรณีที่มีความหย่อยคล้อยจากผิวหนังเกิดขึ้น ไหมที่ความเลือกใช้ควรเป็นไหมที่ดึงยกผิวหนังได้
-
หากแก้มส่วนหย่อยคล้อยอย่างเดียว ไหมก้างปลา (BarB PDO) เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ทำง่ายใช้เวลาไม่นาน เขียวช้ำน้อย
-
หากแก้มส่วนล่างและส่วนกลางหย่อนคล้อย ไหมที่ใช้ควรเป็นไหมที่ยกได้ทั้งส่วนในคราวเดียวกัน ได้แก่ ไหมก้างปลาชนิดที่หล่อขึ้นมาทั้งเส้น (Molding PDO )
2.ในกรณีที่มีความหย่อยคล้อยของผิวหนังชัดเจน ไหมที่ควรใช้ ควรเป็นไหมละลาย PDO ธรรมดาเพื่อช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจนเฉพุจดไหมชนิดนี้ทำง่ายและปลอดภัยสูง แต่จะมีรอยเขียวช้ำ บริเวณที่เกิดขึ้น

การดูแลหลังจากการร้อยไหม
1. ควรประทานยาปฏิชีวนะ ยาแก้อักเสบ ยาลดบวม ตามที่แพทย์สั่งให้ครบหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
2. ทำความสะอาดบริเวณที่ร้อยไหมเพียงพอในกรณีเกิดผลข้างเคียงขึ้นควรรับมาพบแพทย์เพื่อแก้ไขให้ทันทีไม่ควรปล่อยทิ้งไว้
3. ในกรณีร้อยไหมชนิดที่ดึงยกได้ควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงเพราะจะให้ไหมคลายตัวหรือหลุดได้ หลีกเลี่ยงการอ้าปากกว่า และควรสวมผ้ากระชับใบหน้าช่วยประคองแก้มไม่ให้ไหมรับน้ำหนักมากเกินไปในช่วง 1 เดือนแรก
ร้อยไหมยกผิวหย่อนคล้อยขึ้นทันที อยู่ได้นานสามารถทำได้บ่อยทุก 3-6 เดือน ทั้งนี้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์เป็นหลัก คราวนี้คนไข้ก็ได้รู้และตัดสินใจได้ง่ายถึงการร้อยไหม เห็นผลก่อน หลังทำ ร้อยไหมได้ผลขนาดไหน ร้อยไหมดีไหม บวมไหม ร้อยไหมน่ากลัวไหม อันตรายหรือไม่ และเลือกไหมได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับคนไข้

ตัวอย่างรีวิวไหมก้างปลา ไหมเงี่ยง
*ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ทุกวัน ปรึกษาหมออ้วนได้ฟรี
เวลา 10.30 - 20.00 น.
หรือโทร 02-934-6185 , 0863881067
Facebook Rukkhun clinic
Line @rukkhunclinic
